หากคุณเป็นหนึ่งที่มีอาการปวดคอ ซึ่งมักเกิดจากท่าทางที่ไม่เหมาะสมในกิจวัตรประจำวัน หรือจากการทำงาน เช่น นั่งทำงานใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ หรือการยกของหนัก หรือบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา

          นอกจากนี้อาการปวดคอ อาจจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วยเช่น ปวดศีรษะ ปวดใกล้บริเวณหู ขมับ ท้ายทอย ปวดหน้าซีกใดซีกหนึ่ง ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดแขน มือ หรือชาแขน ชามือ หากเป็นมาก จะมีปวดกระบอกตา ตึงบริเวณหน้า คลื่นไส้ อาเจียน จนต้องหยุดงาน อาจรุนแรงมากถึงขั้นปวดบริเวณอื่นๆ เช่น ปวดหลัง หรืออาจปวดไปทั้งตัวจนถึงขา  ชาขา อ่อนแรงแขนและขาได้

          คนส่วนใหญ่เมื่อมีอาการปวดคอ มักปล่อยไว้ เพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อพัก อาการปวดคอก็จะหายเอง แต่ไม่เป็นเช่นนั้น อาการปวดคอกลับมาเป็นอีก สังเกตว่าอาการปวดคอเป็นบ่อยขึ้น หรือมีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้บางคนเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการนวด ซื้อยาทานเองหรือไปพบแพทย์เพื่อรักษา และได้ยามารับประทานอาการอาจดีขึ้นในระยะแรก เนื่องจากยาออกฤทธิ์กดความเจ็บปวด หรือลดการอักเสบ และการใช้ยายังมีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร แต่ไม่ได้เป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหาปวดคอ ต่อมาอาการเป็นมากขึ้นจนยาไม่สามารถลดอาการดังกล่าวได้ แพทย์อาจรักษาโดยการฉีดยากลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งจะมีผลข้างเคียง  ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นบางลง หรือฉีกขาดได้ ในกรณีที่เป็นมาก อาจต้องเข้ารับการผ่าตัด

             จริงๆแล้วอาการปวดคอ สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก หากคุณเข้าใจธรรมชาติของร่างกาย มีวิธีหนึ่งคือการรักษาทางกายภาพบำบัด เริ่มจากหาสาเหตุของอาการปวดคอ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น กล้ามเนื้อคอหรือบ่าอักเสบเรื้อรัง กระดูกคอเสื่อม ข้อต่อคออักเสบ หมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท เส้นประสาทอักเสบ หรืออาจจะมีต้นเหตุมาจากส่วนอื่นเช่น เอ็นหัวไหล่อักเสบ กล้ามเนื้อไหล่ สะบัก หรือหลังอักเสบ เป็นต้น โดยนักกายภาพบำบัด จะทำการซักประวัติ และตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุของอาการปวดคอดังกล่าว จึงทำการวินิจฉัยทางกายภาพบำบัด พร้อมแจ้งผลการตรวจให้ทราบ แล้ววางแผนการรักษาและให้การรักษาทางกายภาพบำบัด ซึ่งเป็นการรักษาโดยใช้หลักการธรรมชาติ ไม่ใช้ยา ฉีดยา และไม่ต้องผ่าตัด ขณะเดียวกันให้คำแนะนำวิธีการปฏิบัติตนและท่าออกกำลังกายที่ถูกวิธีอย่างเหมาะสมกับภาวะของแต่ละคน  เพื่อป้องกันไม่ให้อาการปวดคอกลับมาเป็นอีก